เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้า ลำดับนั้น พระภคินีพระนามว่าโสมาและพระภคินีพระ
นามว่าสกุลา ได้เข้ามาหาหม่อมฉันในที่บริโภคอาหาร แล้วตรัสสั่งว่า ข้าแต่
มหาราช ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์ทรงถวายบังคมพระยุคลบาทของพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า ขอให้ทูลถามถึงความมีพระอาพาธน้อย มีพระโรคเบา
บาง ทรงกระปรี้กระเปร่า ทรงพระกำลัง ทรงพระสำราญ ตามคำของหม่อม
ฉันว่า พระภคินีพระนามว่าโสมาและพระภคินีพระนามว่าสกุลาถวายบังคมพระ
ยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า และทูลถามความมีพระอาพาธ
น้อย มีพระโรคเบาบาง ทรงกระปรี้กระเปล่า ทรงพระกำลัง ทรงพระสำราญ
พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร ขอพระราชภคินีพระนามว่าโสมาและพระราช-
ภคินีพระนามว่าสกุลา จงทรงพระสำราญเถิด ขอถวายพระพร.

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทูลถามวรรณะ 4



[574] ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค-
เจ้าว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้สดับมาว่า พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้
ว่าสมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้เห็นธรรมทั้งปวง จักปฏิญาณความรู้
ความเห็นอันไม่มีส่วนเหลือ ไม่มี ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ชนเหล่าใดกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้ว่า สมณะหรือ
พราหมณ์ผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้เห็นธรรมทั้งปวง จักปฏิญาณความรู้ความเห็นอัน
ไม่มีส่วนเหลือ ไม่มี ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ชนเหล่านั้นเป็นอันกล่าวตามที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วไม่เป็นอันกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่จริง
และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม อนึ่ง การกล่าวและการกล่าวตามอันประกอบ
ด้วยเหตุบางอย่าง จะไม่มาถึงฐานะอันผู้รู้จะพึงติเตียนแลหรือ พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาบพิตร ชนเหล่าใดกล่าวอย่างนี้ว่า
พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้เห็นธรรม
ทั้งปวง จักปฏิญาณความเห็นอันไม่มีส่วนเหลือไม่มี ข้อนั้น ไม่เป็นฐานะที่จะมี
ได้ดังนี้ ชนเหล่านั้นไม่เป็นอันกล่าวตามที่อาตมภาพกล่าวแล้ว และย่อมกล่าว
ตู่อาตมภาพด้วยคำอันไม่เป็นจริง ขอถวายพระพร.
[575] ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงรับสั่งถาม วิฑูฑภ-
เสนาบดีว่า ดูก่อนเสนาบดี ใครหนอกล่าวเรื่องนี้ในภายในนคร วิฑูฑภเสนาบดี
กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช พราหมณ์สญชัยอากาสโคตรกล่าวเรื่องนี้ ขอเดชะ.
ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสเรียกบุรุษคนหนึ่งมารับสั่งว่า มานี่แน่ะ
บุรุษผู้เจริญ ท่านจงไปเชิญพราหมณ์สญชัยอากาสโคตรตามคำของเราว่า ดูก่อน
ท่านผู้เจริญ พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งหาท่าน. บุรุษนั้นทูลรับสนองพระบรม-
ราชโองการแล้ว ได้เข้าไปหาพราหมณ์สญชัยอากาสโคตรถึงที่อยู่ แล้วกล่าวกะ
พราหมณ์สญชัยอากาสโคตรว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่ง
หาท่าน.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ พระดำรัสอย่างหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาเนื้อความ
บางอย่างตรัสไว้ แต่คนอื่นกลับเข้าใจพระภาษิตนั้นเป็นอย่างอื่นไป พึงมีหรือ
หนอ ก็พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงจำพระดำรัสว่า ตรัสแล้วอย่างไรบ้างหรือ
พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร อาตมภาพจำคำที่
กล่าวแล้วอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์จักรู้ธรรมทั้งปวง จักเห็นธรรมทั้งปวง
ในคราวเดียวเท่านั้น ไม่มี ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
ป. ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสภาพอันเป็นตัว
เหตุ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสภาพอันเป็นตัวผลพร้อม

ทั้งเหตุว่า สมณะหรือพราหมณ์จักรู้ธรรมทั้งปวง จักเห็นธรรมทั้งปวง ใน
คราวเดียวเท่านั้น ไม่มี ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
วรรณะ 4 จำพวกนี้ คือกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ วรรณะ 4 จำพวกนี้จะพึงมีความแปลกกัน จะพึงมีการกระทำต่างกัน
กระมังหนอ.
[576] พ. ดูก่อนมหาบพิตร วรรณะ 4 จำพวกนี้ คือ กษัตริย์
พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ดูก่อนมหาบพิตร บรรดาวรรณะ 4 จำพวกนี้ วรรณะ
2 จำพวก คือ กษัตริย์และพราหมณ์ อาตมาภาพกล่าวว่าเป็นผู้เลิศ คือ เป็น
ที่กราบไหว้ เป็นที่ลุกรับ เป็นที่กระทำอัญชลี เป็นที่กระทำสามีจิกรรม ขอ
ถวายพระพร.
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันมิได้ทูลถามถึงความแปลกกันใน
ปัจจุบันกะพระผู้มีพระภาคเจ้า หม่อมฉันทูลถามถึงความแปลกกันในสัมปราย-
ภพกะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณะ 4 จำพวกนี้ คือ
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณะ 4 จำพวก
นี้จะพึงมีความแปลกกัน จะพึงมีการกระทำต่างกันกระมังหนอ พระเจ้าข้า.

องค์แห่งภิกษุผู้มีความเพียร 5



[577] พ. ดูก่อนมหาบพิตร องค์แห่งภิกษุผู้มีความเพียร 5 ประ-
การนี้. 5 ประการเป็นไฉน. ดูก่อนมหาบพิตร
1. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา เธอพระปัญญาตรัสรู้ของ
พระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นพระ-
อรหันต์. . . เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม.